Wednesday, October 5, 2011

ละตินมาเที่ยวสกลนคร...ตอน ของฝากเป็นหมากเม่า Latin Group visit Sakon Nakhon ep.Mulberry





เริ่มอัพบล็อกตอนสี่ทุ่ม คาดว่าจะอัพเสร็จอีกประมาณชาตินึง อะไม่ใช่
ปกติจะอัพตามที่คิดเลย ซึ่งถ้ารอให้อะไรๆลงตัวก็จะต้องรอนาน
แต่ช่วงนี้งานเข้า

ไอ้ครั้น จะรองานเลิกก็คงไม่ได้อัพกันพอดี

I started uploaded this blog at 10 pm.
Normally,I uploaded directly without draft.So it may took a long time for perfectly entry.
Also I'm quite busy this time but I'll try my best.
::::::::::::::::::

กลับมาสู่หัวบล็อกค่ะ
พอดีกลุ่มนักธุรกิจSMEs จาก14 ประเทศละตินอเมริกาและทะเลแคริบเบียน
ได้รับทุนจากรัฐบาลไทย มาดูงาน(และมาเที่ยว)ประเทศไทย
เค้าออกให้ตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และทุกอย่างให้กลุ่มนักธุรกิจกลุ่มนี้
รายละเอียดเชิญดูที่เวป
http://utcc2.utcc.ac.th/sealac/


According to the subject.
The SMEs group from Latin America and Caribbean Sea 14 countries have got scholarship from Thai Government to visit Thailand.
The Thai government supported air ticket,hotel and everything.
If you're interested please visit their website:
http://utcc2.utcc.ac.th/sealac/



ข้าพเจ้าก็ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดี
ได้ฟื้นฟูภาษาอังกฤษให้กระเตื้องขึ้นบ้าง
ตอนนี้ภาษาอีสานจะเริ่มแอดวานซ์แล่ว(ทักษะฟังนะฮะ)

เรามารอกันที่โรงแรมหนองหาร ดิอิลิแกรนด์
กรุ๊ปมาช้าสองชั่วโมง จากหกโมงเย็นเป็นสองทุ่ม
(รถทัวร์ออกจากกทม.สิบโมงเช้า)
มืดกันเลยทีเดียว...

ของที่จะโชว์และเชิญโอท้อปท้องถิ่นมาขายก็เลยรอกันอยู่นาน
ตัวชาวต่างชาติก็ไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย เสื้อยืดกางเกงขาสั้น

เราเสิร์ฟอาหารแบบคอร์ส ให้นศ.การโรงแรมจากราชภัฎมาทดลองฝึกงานด้วย


มันก็แลดูเก้ๆกังๆเพราะเราได้รับแจ้งไว้เลยใส่ซะเต็มคราบ


คนนั่งข้างๆเรามาจากประเทศเปรู เชื้อสายสเปน
ก็บอกว่าเกือบทุกคนพูดภาษาสเปน ออกเสียงสำเนียงประเทศต่างๆให้ฟังด้วย
อืมๆ คงเหมือนภาษาเหนือแต่ละจังหวัด หรืออีสานแต่ละจังหวัดละมั้ง
เค้าทำส่งออกอาหาร มีไปดูงานโรงงานอาหารด้วย เลยได้ออเดอร์เลย


::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เช้าวันรุ่งขึ้น เรามีเวลา แนะนำสินค้าประจำจังหวัดสกลนคร
เป้นสินค้าชื่อดัง และน่าลิ้มลอง

คือ ไวน์หมากเม่า,หมากเม่าเข้มข้น,และหมากเม่าพร้อมดื่ม

วิจัยโดย มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน จ.สกลนคร

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอาข้อมูลมะเม่ามาฝากค่ะ

หมากเม่า  (มะเม่า เม่าเสี้ยน มัดเซ)
เป็นผลไม้ชั้นนำในเขตภาคอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร ส่วนภาคอื่นๆ เรียกว่า "เม่า" ชื่อวิทยาศาสตร์ Antidesma velutinosum Blume ในวงศ์ Stilaginaceae. เป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ความสูงประมาณ 12-15 เมตร ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม และผลจะสุกในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน

ซูมๆ


ประโยชน์ หมากเม่า

1. ผลดิบสีเขียวอ่อน ประกอบอาหารคล้ายส้มตำเม่า

2. ผลแก่สีแดงมีรสเปรี้ยว ส่วนผลแก่จัดสีดำม่วง จะมีรสหวานอมเปรี้ยว รับประทานเป็นผลไม้สด

3. ผลมีสรรพคุณเป็นยาระบายและบำรุงสายตา ใบสดนำมาอังไฟเพื่อใช้ประคบแก้อาการฟกช้ำดำเขียว เปลือกต้นเม่าใช้เป็นส่วนประกอบของลูกประคบ



4. ผลหมากเม่าสุก มีกรดอะมิโน 18 ชนิด แคลเซียม เหล็ก สังกะสี วิตามิน B1 B2 C และ E

5. ผลิตภัณฑ์แปรรูปเช่น น้ำผลไม้ ไวน์เม่า แยม กวน สีธรรมชาติผสมอาหาร ฯลฯ

6. น้ำเม่าสกัดเข้มข้น 100% มีสารอาหาร วิตามินหลายชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายรวมทั้ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ

7.ไวน์หมากเม่า มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง

8.กัมมาลและคณะ (2546) ศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียของสมุนไพรไทย 5 ชนิด คือ มะเม่า ฟ้าทลายโจร หญ้าแห้วหมู ผักเป็ดแดง และสายน้ำผึ้ง พบว่า มะเม่า สายน้ำผึ้ง และหญ้าแห้วหมู มีศักยภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV ได้

ลักษณะดีเด่นของมะเม่าคือ มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการหลายชนิด เช่น แคลเซียม เหล็ก วิตามินอี วิตามินบี 1 และบี 2 มีกรดอะมิโม และสารแอนโธไซยานิน ซึ่งให้สีม่วงแดง มีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นดี โดยเฉพาะเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงสายตา และยังมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการแก่ชราของเซลล์และเพิ่มภูมิคุ้มกันอีกด้วย


มะเม่าสามารถนำมาทำไวน์ได้

ข้อมูลจาก
http://natres.psu.ac.th/radio/radio_article/radio42-43/42-430034.htm
http://www.teenpath.net/teennature/Content.asp?Sub=11&ID=00109
http://learners.in.th/blog/nattanan/83172
และhttp://e-learning.konmun.com/Fruit/id60.aspx

เอ่ิม...หมดแรงข้าวต้มมัดแล้วคะ่
เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปใส่บาตรพระ10000 รูป
ไว้คราวหน้าจะมาเล่าเรื่อง

"พาชมหมู่บ้านวัฒนธรรมผ้าคราม บ้านพันนา จ.สกลนคร"

ผ้าย้อมคราม สีนำเงินคล้ายหม้อฮ่อม แต่ต่างกันในต้นกำเนิดและวิธีผลิตสี
ไว้จะมาเล่าพร้อมภาพปลากรอบราดข้าวคราวหน้าค่ะ

แล้วเจอกันที่งานแห่ปราสาทผึ้งนะคะ

ปล.1 สติช่วงเทศกาล
เมื่อวานคนรู้จักมาที่บ้าน ก็ทานข้าวเปียกเส้นกัน เราก็มัวแต่ล้างจาน
พอเตรียมเครื่องด่ืมเสร็จเค้าก็เห็นว่าเค้าลากลับกันแล้ว
อีกไม่เกินสิบนาที ก็ได้รับสายจากพ่อเราว่าสองสามีภรรยาประสบอุบัติเหตุ
รถจักรยานยนต์ตัดหน้า และรถกันชนหลุดเลย...

ที่หนักกว่านั้นคือ คนขับจยย.เสียชีวิตคาที่ 1  บาดเจ็บ1
ดีที่คนรู้จักเราไม่เป็นอะไร แต่ขวัญเสียกันน่าดู
น้องชายเราไปช่วยที่สถานีตำรวจ จนตี1 ทราบว่า
คนขับจยย.เมาเลยพุ่งรถออกมา

คนรู้จักเราก็ขับเร็วด้วยละมั้ง
สรุปว่า...การเดินทางในช่วงเทศกาลก็ขอให้มีสติให้มากที่สุดแล้วกันค่ะ

ถ้ากลับกัน เป็นสองคนที่เรารู้จักเป็นผู้ประสบเคราะห์แทน..จะเป็นอย่างไร
เสียดาย..
เราน่าจะอยุ่คุยกับเค้าสักพัก
ถ้าช้าหรือเร็วกว่านี้สักหน่อยก็คงไม่เกิดเหตุอันน่าเสียใจเช่นนี้
(คุ้นๆเหมือนฟอร์เวิร์ดเมลล์สักเรือ่งเลย แต่นีืคือเรื่องจริง)

เอาละ..มองในแง่ของความจริงๆ
อาจถึงฆาตของคนขับจยย. หรือ
อาจเป็นการเตือนคุ่สามีภรรยาถึงความสำคัญของชีวิตแต่ละลมหายใจ

วันนี้เค้าสองคนก็อยู่บ้านกับลูกเล็กๆทั้งสองคน งดรับทุกงาน
ที่ปกติเค้าจะออกจากบ้านแต่เช้าและกลับบ้านค่ำมืด เดินทางกันตลอด
เราว่านี่เป็นบทเรียนการฟาดเคราะห์อีกกรณีหนึ่งแล้วกันนะ

ปล.2 เรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องเดิมๆที่น่าเบื่อ น่าสงสาร
ที่น่าเบือคือดูรายการตอบโจทย์ของชองทีพีบีเอส ก็เห็นว่า
เรามีแต่ตั้งรับจริงๆ..เรารู้ข้อมูลเยอะ และสิ่งเหล่านี้คาดการณ์ได้ เพราะเกิดทุกปี
แต่มันก็เกิด และเราก็ตั้งรับจริงๆ ไม่มีใครคิดวางแผน...น่าเบื่อ

ที่น่าสงสารคือชาวบ้านตาดำๆ ดูยายร้องไห้ไม่กล้าออกจากบ้านกลัวลื่นกลัวเป็นลม
และยาหมด ไม่มีน้ำไฟ และของกิน..น่าสงสาร

เอิ่ม..ชักจะไม่ใช่บล็อกท่องเที่ยวแล้วแฮะ เพราะปล.มันยาวกันเหลือเกิน :p
ท่าทางคุณเธอจะเป็นริดสีดวงตัวอักษรมาหลายวันค่ะ

ขอบคุณกรอบจากคุณกุ้งค่ะ ชอบกรอบลายนี้จริงๆ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kungguenter&month=11-2008&date=12&group=23&gblog=90

update:เพิ่มรูปภาพซูมๆนะคะ



No comments:

Post a Comment