Wednesday, October 5, 2011

ละตินมาเที่ยวสกล...ตอนความประทับใจในหมู่บ้านวัฒนธรรมผ้าย้อมคราม




อ้างอิงจากบล็อกก่อนค่ะ

ละตินมาเที่ยวสกลนคร...ตอน ของฝากเป็นหมากเม่า(คลิกที่นี่)
Indigo Vllage & Home stay

ตอนนี้ในสนามมิ่งเมืองกำลังแออัดไปด้วยผู้คนที่ไปชมปราสาทผึ้ง
ที่แห่ไปเมื่อเย็นวันนี้(22/10/10)ค่ะ เมื่อวานไปมาถ่ายภาพได้บรรยากาศ
แต่ไม่ได้ถ่ายปราสาท เพราะเค้าย้ายที่แล้วเราเข้าใจว่าเค้ายังไม่ได้เอามาแสดง..
ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ยังมีค่ะ
พ่อบอกว่าปีนี้มีวิวัฒนาการหลายๆอย่าง สวยมากๆ
(พ่อกับน้องอุ้ยคุงไปเป้นนักข่าวนอกสถานที่ให้เอมหวานเรียบโร้ย)
เมื่อวานที่ไปก็ได้ดูรำมวยโบราณหญิง..ถ่ายวีดีโอไว้ด้วย
ไว้จะอัพลงยูทูปมาให้ดูนะคะ


คืนนี้ก็ต่อด้วย เทศกาลไหลเรือไฟ จ.นครพนม..สวยค่ะ
แต่คงไม่ไปเบียดกับใครดูวันนี้แน่ๆ แฮ่ๆ
เพราะมีการบ้านอัพบล็อกดองเค็มค่ะ แถมตะพาบตัวนี้จะไม่ยอมตกรถแน่ๆค่ะ
.....

บล็อกเอนทรี่นี้เป็นช่วงที่นักธุรกิจ14 ประเทศละตินอเมริกาและทะเลแคริบเบียน
มาดูงานที่ประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จังหวัดสกลนคร โดยหอการค้าจังหวัด
ก็ร่วมเป็นเจ้าภาพ 3 วันค่ะ
จริงๆต้องนับว่าวันเดียว เพราะเดินทางมา 1 วัน และกลับอีก 1 วัน
คือถ้านั่งรถบัสนี่ระยะทางพอๆกับไปเชียงใหม่ค่ะ เกือบ 10 ชั่วโมง
และชาวต่างชาติอาจได้บั้นท้ายบานได้ง่ายๆ

แต่เอมว่าวันนั้นน่าประทับใจแน่นอน
เพราะสิ่งเหล่านี้หาไม่ได้ในเมืองใหญ่และประเทศของเค้าค่ะ
เอมเองก็ยอมรับว่า..นี่คือครั้งแรกเหมือนกัน

รู้แต่ว่า...วันนี้เราจะไปหมู่บ้านผ้าย้อมครามและศูนย์ศิลปาชีพกุดนาขามค่ะ

ที่แรก...หมู่บ้านวัฒนธรรม บ้านพันนา


นั่งรถจากอำเภอเมืองสกลนครไปที่บ้านพันนา อำเภอสว่างแดนดิน
ใช้เวลาเกือบครั้งชั่วโมง
แต่นั่นก็ไม่ทำให้เราเหนื่อยเลย เมื่อเจอภาพชาวบ้านมาต้อนรับแบบนี้


ชาวบ้านมารอพร้อมของที่ระลึกค่ะ..ผ้าขาวม้า
ฝรั่งตื่นเต้นกันมาก แต่เราชอบนะ ตอนที่เค้าผูกผ้าเสร็จ คนผูกคนรับก็ไหว้กัน
งดงามจริงๆ..จากรูปนี่มีเด็กตัวเล็กๆมายืนต้อนรับกับเค้าด้วย




เราก็มาเข้าฟังบรรยายความเป็นมาก่อน
ว่าหมู่บ้านนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายผ้าย้อมครามของจังหวัด
และเป็นโครงการในพระราชดำริเรื่องความพอเพียง


ประธานกลุ่มคือ คุณป้าคำพูล สุราชวงศ์
เค้าพูดไปยิ้มไป อารมณ์ดี หรือเขิน หรือภูมิใจก็ไม่รู้แฮะ
ผ้าครามดีตรงที่กันรังสียูวี และกันยุงและแมลงได้ด้วย(มัลติฟังก์ชั่นจริงๆ)


พอฟังบรรยาย มอบของที่ระลึกอะไรเสร็จ..เราจะไปดูกรรมวิธีการผลิตผ้าครามกันค่ะ
แต่..

ทุกคนต้องหยุด
และหยิบกล้องมาถ่าย..อีกแล้ว


คุณตา(พ่อใหญ่) กับคุณยายมาโชว์เพลงพื้นบ้านให้ฟังคะ
(เห็นไหมว่าหาไม่ได้ที่บ้านเขา อิอิ)
กระบวนการผลิตนี่เริ่มจากนุ่น แยกเม็ดออก(ภาพล่าง)
แล้วเอาที่ยิงเหมือนธนูมาดีดให้มันเล็กลง
แล้วก็เอามาเกลียวเป็นเสัน(บนซ้าย)
แล้วก็ม้วนเป็นกลุ่มด้าย


เสร็จก็จะมัดผ้าออกแบบลวดลาย..ตรงนี้คือความสนุกของครีเอทีฟค่ะ


พอย้อมเสร็จก็แกะเชือกฟางออก เอามาเข้าม้วนใหม่เพื่อทอค่ะ

ผืนหนึ่งเป็นเมตรๆ ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ หรือถ้าจะให้ลายสวยๆ ก็เป็นเดือน


ทีนี้เรามาดูกรรมวิธีการทำครามสำหรับย้อมค่ะ
หลายๆคนคงจะสงสัยเหมือนเราว่า ผ้าครามเหมือนผ้าหม้อฮ่อมเลย
แต่ความเป็นจริงคือ ผ้าสองประเภทให้สีน้ำเงินเหมือนกันแต่คนละเฉดค่ะ
ผ้าหม้อฮ่อมจะใช้แก่นไม้ ผ้าครามจะใช้ใบ ซึ่งเป็นตระกูลใบเล็กๆเหมือนมะขาม

วิธีการคือ เอาใบจากต้นครามมาแช่น้ำยาแล้วเอาไม้กดๆตีๆ(แบบภาพล่างกลาง)
ให้สีมันออกมาค่ะ
แล้วเอาไปหมักที่ไห(ล่างขวา) ก็ไล่ไปเลยอาทิตย์แรกไหแรก อาทิตย์ที่สองย้ายมาไหสอง
เพื่อให้สีได้ที่มีความเสถียร(อันนี้ฟังจากยายมานะคะ)

การมัดย้อมก็จะทำให้ผ้าไล่โทนสีไปด้วย สวยทีเดียวเชียวหละค่ะ

แต่..ฝรั่งละตินนี่..ช่างสรรหาจริงๆนะ
ไปสนใจอาหารมื้อเที่ยงค่ะ ชาวบ้านเค้าทำผักเคียงใส่กับลาบ
ใส่ในกระบอกไม้ไผ่ เก๋กู๊ดมากๆ


น้องภาพล่างซ้ายนี่ก็เป็นตัวแทนเยาวชนของหมู่บ้านค่ะ
อธิบายสรรพคุณผักต่างๆอย่างมืออาชีพทีเดียว
(แมวไม่มอง พี่มองให้นะจ้ะคุณน้อง)

zooom closer


อีกแล้วค่ะทุกท่าน นี่คือข้าวเหนียวชุบไข่ปี้ง และกล้วยปิ้งเจ้าค่ะ
สนใจรุมสัมภาษณ์คุณป้ากันยกใหญ่..ศรีจะเป็นลม


แทรกภาพน่ารักๆนะคะ
เป็นแฟชั่นต่างเพศ ต่างวัยค่ะ
น้องหนู คุณตาก็ใส่เกี๊ยะมาอวด บอกว่าเป็นมรดกตั้งแต่โบราณ
(อีสานเรามีเชื้อญี่ปุ่นด้วยแฮะ
คุณยายก็โชว์ย้อมครามในชุดคราม..วิ้วๆ


พอชมกรรมวิธีต่างๆเสร็จก็ใกล้เที่ยงแล้วค่ะ
เดินทางกันมาไกล๊ ไกล ขวัญคงจะหาย
ชาวบ้านที่น่ารักเลยจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้
คุณตาใส่สูทขาวอย่างเท่เลย



บรรยากาศอบอุ่นมากๆ




เสร็จพิธีอิ่มใจ ก็มารับประทานอาหารกัน..แบบขันโตก
สวยและครีเอทมากๆ ข้าวหุงธัญพืช กลอยกับฟักทอง
ไข่ปิ้งกล้วยปิ้ง(เมื่อกี้) แล้วก็ตำแตง กินกับข้าวเกรียบ
ที่นี่เรียก"ข้าวโป่ง"
อีะ..อ๊ะ อย่าลืมล้างมือ ด้วยน้ำมะนาวข้างๆก่อนนะคะ

ภาพน้องๆนางรำผ้าคราม ยังเรียนมัธยมกันอยู่เลย

ชมโชว์ไปกินข้าวไป..ได้บรรยากาศอยู่ไม่น้อยค่ะ
ชอบพวกใบตองแล้วก็ชาอัญชัญสด..เก๋มากๆพี่น้อง ฝรั่งถามกันยกใหญ่ว่าหาซื้อที่ไหน
กินอิ่มทุกคนก็เริ่มมันส์ค่ะ ออกลวดลาย
พ่อหนุ่มอาร์เจนตินาคนนี้ มาโชว์เพลงดังของประเทศเค้า
แต่ดนตรีประกอบนี่หมอลำนะคะ




ชมภาพเคลื่อนไหวได้..น่ารักมาก
เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมข้ามทวีปจริงๆ

เสียดายใช้กล้องดิจิตอลถ่าย ภาพและเสียงอาจจะไม่ชัดนะคะ
คุณยายสองคนนี่ท่าทางจะสนุกที่สุด และคืนนั้นคงหลับสบาย เพราะแดนซ์กันกระจายค่ะ

บางส่วน เริ่มช้อปปิ้งแล้ว

ราคาที่นี่เนื่องจากเป็นแหล่งผลิต ก็จะถูกกว่าราคาที่ห้าง หรือที่เมืองทองธานีเวลาไปออกร้านอยู่มากค่ะ

ขยายให้เห็นชัดๆ



นอกจากผ้าครามแล้ว ยังมีผ้าย้อมสีธรรมชาติอื่นๆ อีกค่ะ
เอมได้ผ้าพันคอสีเขียว เหลืองจากมะม่วง แล้วก็น้ำตาลชมพู ในราคา500บาท
ถ้าซื้อห้างมีหวังหลักพันแน่ๆ..
ก็คงต้องราคานั้นเพราะต้องให้ค่าขนส่งค่าจัดการนายหน้าเค้าละค่ะ
เฮ้อ..โปรโมทแบบชาวบ้านเอมหวาน เพราะเห็นใจว่าการตลาดเค้ายังไม่มีเลยค่ะ





ก่อนอำลาก็ถ่ายภาพกันเป็นที่ระทึก

ภาพบนขวา คือภาพคุณตา(พ่อใหญ่)ใส่เกี๊ยะมาส่งถึงรถเลยค่ะ
เป็นห่วงอยากให้เดินทางกลับกันปลอดภัย..น่ารักมากๆ

ใครสนใจก็เชิญติดต่อได้ตามนี้นะคะ(ไทยเที่ยวไทย เงินไม่ไหลออกค่ะ)

หรือที่เวปไซต์(ที่เราหาเองจากกูเกิล จัดทำโดยธกส.)
http://www.tourvtthai.com/home/index.php?option=com_content&view=article&id=243:2010-02-24-07-31-36&catid=46:2010-02-16-04-07-36&Itemid=10

ทราบจากชาวบ้านว่าเค้ามีโฮมสเตย์ด้วยนะคะ
ถ้าเบื่อวิถีชีวิตเดิม พักร้อนหน้าลองหาเที่ยวแบบนี้เป็นทางเลือกนะคะ

....เวลาน้อยค่ะ ตอนบ่าย เราไปศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ณ อีสาน เอ๊ย กุดนาขาม
..เรื่องยาวอีกเหมือนกัน
ไว้เล่าต่อบล็อกหน้านะคะ

ปล.สกลนครน้ำไม่ท่วมนะคะ อยู่หลังเขาพอดี๊
ก่อนจะไปชมโฆษณา เอ๊ย ชมเอนทรีอื่นๆ ก็ขอกำลังใจสักจึ๊กนะคะ

โหวตได้ทุกวันไม่มีวันหยุดนะคะ


 ขอบคุณค่าา


-:::::::updated ตะพาบตัวที่สิบแปดมาแล้วค่ะ:::::::

สมสร้อยและ..บืด(เชิญคลิก)


ขอบคุณกรอบจากคุณกุ้งค่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kungguenter&month=05-2009&date=03&group=23&gblog=118


No comments:

Post a Comment