นานนนนมากแล้้ว ที่ไม่ได้ไปดูงานแห่ดาว เรียกว่าจำไม่่ได้ดีกว่า คริสต์มาสต์ที่ผ่านมา ไหนๆอยู่ที่นี่ ขอพาเพื่อนๆมาเที่ยวอีกเทศกาลสำคัญของจังหวัดสกลนคร ดูให้สะใจ Unseen Thailand: ดาวบนดิน เทศกาลแห่ดาว จ.สกลนคร (หลังไปดู) เป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรโมทของททท.ในโครงการ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน (http://www.1279thailand.com/) ภาคข้อมูลก่อนไปจ้ะ คลิกตรงนี้เลย วันนี้ นอกจากจะนำภาพมาให้ดูให้หนำใจแล้ว ขอนำเสนอบทความจาก คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์ วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย มาประกอบภาพที่เอมหวานไปถ่ายในวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ค่ะ ::::::: สำนักมิสซังท่าแร่-หนองแสง อ.เมือง จ.สกลนคร ประวัติการแห่ดาวเทศกาลคริสต์มาสของจังหวัดสกลนคร ใกล้ถึงวันสมโภชพระคริสตสมภพ หรือ “วันคริสต์มาส” ของทุกปี เราจะเห็นห้างสรรพสินค้าและร้านรวงต่างๆ ประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยไฟหลากสีระยิบระยับ มีภาพชายแก่หนวดเครายาวสีขาวพุงพุ้ยในชุดสีแดงสดใสพร้อมถุงของขวัญ บนล้อเลื่อนมีกวางลากจูง คลอด้วยบทเพลงคริสต์มาสในจังหวะสนุกๆ เพื่อดึงดูดผู้คนที่ผ่านไปมาให้หันมาสนใจและจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าในร้านรวงของตน บรรยากาศเช่นนี้มีให้เห็นทั่วไปตามเมืองใหญ่ทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ใน ประเทศไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งของหมู่บ้านคริสตชนในภาคอีสานของประเทศไทย ดูจะต่างออกไป โดยเฉพาะในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดคือสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์และมุกดาหาร จะมีบรรยากาศของความสมัครสมานกลมเกลียวแบบพี่น้อง ที่ร่วมแรงร่วมใจกันเตรียมฉลองคริสต์มาสด้วยการทำดาวและถ้ำพระกุมาร ช่วยกันประดับตกแต่งวัดประจำหมู่บ้านให้สวยงาม รวมถึงบ้านเรือนของตนเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติมาของพระเยซูเจ้า พวกเขาได้สานต่อความเชื่อศรัทธานี้ มามากกว่า 100 ปี จนกลายเป็นประเพณีในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ของทุกปี การทำดาวและประเพณีแห่ดาวมีความเป็นมาและความหมายอย่างไร นี่คือความมุ่งหมายของบทความนี้เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเฉลิมฉลองคริสต์มาสของคริสตชนในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ที่หลายคนอาจไม่เคยได้รับรู้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเพณีแห่ดาวของจังหวัดสกลนครจากทุกหมู่บ้านมากกว่า 300 ดวง ซึ่งกล่าวกันว่ามีเพียงแห่งเดียวในโลกทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและสานต่องาน ประเพณีนี้อย่างถูกต้องและยั่งยืนสืบไป ความหมายและที่มาของการแห่ดาว คำว่า “ ดาว” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2545 ได้ให้ความจำกัดความเอาไว้ว่า “ สิ่งที่เห็นเป็นดวงมีแสงระยิบระยับในท้องฟ้าเวลามืดนอกจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ” นอกนั้นยังเป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่เด่นดังในทางใดทางหนึ่ง ดาวจึงหมายถึง ดวงไฟที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน ทำให้ท้องฟ้าแลดูสว่างสุกใส ด้วยเหตุนี้จึงอุปมาคนที่มีชื่อเสียงดี หรือมีหน้าตาสะสวยและความสามารถโดดเด่น เป็นเหมือนดาวบนฟ้าที่ส่องประกายเจิดจ้ายามค่ำคืน อย่างนักแสดงที่เรียกว่า “ ดารา” สำหรับชาวตะวันออกเชื่อกันว่าทุกคนเกิดมามีดาวประจำตัว โดยเฉพาะบุคคลสำคัญที่มีบุญยาบารมีดาวประจำตัวจะสว่างสุกใสกว่าปกติสังเกต เห็นได้ง่าย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเวลาที่พระเยซูเจ้าประสูติ จะปรากฏดาวประจำพระองค์ให้พวกโหราจารย์หรือนักปราชญ์จากทิศตะวันออกได้เห็น พวกเขาได้ออกเดินทางตามดาวดวงนั้นไป เพื่อไหว้นมัสการและถวายของขวัญตามที่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ( มธ 2:1-12) ดังนั้น ดาวในคริสตศาสนาจึงเป็นสัญลักษณ์หมายถึง การบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าและเป็นสื่อนำทางพวกโหราจารย์ให้ได้พบกับพระกุมารเยซู ูในถ้ำเลี้ยงสัตว์ที่เมืองเบธเลเฮม ประเทศปาเลสไตน์ ส่วนประเพณีแห่ดาวในเทศกาลคริสต์มาส มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่เข้าใจว่าคงมีมาตั้งแต่แรกเริ่มที่คริสตศาสนาเข้ามาในภาคอีสานในปี ค.ศ. 1881 ( พ.ศ. 2424) โดยการนำของคุณพ่อยอห์น บัปติสต์ โปรดม (Jean PRODHOMME) และคุณพ่อซาเวียร์ เกโก(Xavier GEGO) ธรรมทูตรุ่นบุกเบิกคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP) ที่สอนให้คริสตชนทำดาวประดับวัดในเทศกาลคริสต์มาส ประกอบกับธรรมชาติของคนอีสานที่ร่าเริงสนุกสนานมีงานประเพณีแห่แหนตลอดทั้งปี การประยุกต์ประเพณีทำดาวประดับวัดในเทศกาลคริสต์มาส มาเป็นประเพณีแห่ดาวรอบวัดหรือชุมชนจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ก่อนจะกลายมาเป็นประเพณีนิยมของทุกวัดที่กระทำกันในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ของทุกปี การทำดาวประดับวัดของหมู่บ้านคาทอลิกในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงก็เหมือนกับการทำถ้ำพระกุมารและการประดับต้นคริสต์มาสในประเทศยุโรป แต่การทำดาวของวัดต่างๆ ในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงดูจะ มีชีวิตชีวาและวิวัฒนาการมากกว่า เห็นได้จากการประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชุมชน จากการทำดาวประดับวัดธรรมดา ได้พัฒนาไปเป็นการทำดาวประดับบ้านเรือน การแห่ดาวและการประกวดดาว เพื่อสืบสานความเชื่อศรัทธาอย่างมีสีสันและชีวิตชีวา อันแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีของชุมชนตามจิตตารมณ์ของคริสต์มาส ประเพณีแห่ดาว ที่สกลนคร ประเพณีแห่ดาวที่สกลนคร เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องโดยตรงกับพระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน อดีตผู้ปกครองอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงระหว่างปี ค.ศ. 1980-2004 ( พ.ศ. 2523-2547) ที่มีความประสงค์จะให้หมู่บ้านคริสตชนในเขตปกครอง ได้นำดาวที่ใช้แห่ในคืนวันที่ 24 ธันวาคมเพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าในหมู่บ้านของตน มาร่วมแห่อีกครั้งที่สกลนครเพื่อสนับสนุนกลุ่มคริสตชน วัดพระหฤทัยฯสกลนครซึ่งยังมีจำนวนน้อยอยู่ การแห่ดาวที่สกลนครเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1982 ( พ.ศ. 2525) หลังจากพระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อน สร้างสำนักมิสซังแห่งใหม่ที่สกลนครและย้ายมาประจำที่สำนักใหม่แล้ว โดยมอบหมายให้ชุมชนท่าแร่หมู่บ้านคริสตชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและศูนย์กลางของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง เป็นผู้นำในการทำดาวและประดับประดารถบุษบก ถ้ำพระกุมารที่ใช้ในขบวนแห่ โดยเริ่มแห่จากศาลากลางจังหวัดสกลนครไปยังบริเวณโรงเรียนเซนต์ยอแซฟสกลนคร ก่อนที่จะมีพิธีเฉลิมฉลองคริสต์มาส เหมือนเช่นที่ทำกันในแต่ละวัดในคืนวันที่ 24 ธันวาคม เป็นธรรมดาอยู่เองที่การริเริ่มทำสิ่งใหม่ที่ไม่มีใครทำมาก่อน ย่อมมีอุปสรรคปัญหาและความยากลำบาก เช่นเดียวกับการแห่ดาวที่สกลนคร ในปีแรกมีดาวจากหมู่บ้านต่างๆ มาร่วมขบวนแห่จำนวนไม่มาก และไม่ได้รับการยอมรับจากชาวสกลนครเท่าใดนัก รวมถึงผู้ร่วมงานบางคนที่มองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แต่พระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อน ยังคงยืนหยัดที่จะจัดให้มี ีประเพณีแห่ดาวนี้เรื่อยมา และพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในแต่ละปี ต่อมาได้จัดให้มีการประกวดดาวทำให้มีจำนวนดาวจากหมู่บ้านต่างๆ มาร่วมแข่งขัน และขบวนแห่เพิ่มมากขึ้น หลังจากได้จัดแห่ดาวที่สกลนครผ่านไปหลายปี ชาวสกลนครเริ่มยอมรับและกล่าวขวัญถึง บางปีไม่ได้จัดที่สกลนครเช่นในปี ค.ศ. 1999 ( พ.ศ. 2543) ย้ายไปจัดที่หมู่บ้านท่าแร่เพื่อสมโภชการเปิดปี “ปีติมหาการุญ คริสตศักราช 2000 ” เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้จัดที่สกลนครประจำทุกปี จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) นายปรานชัย บวรรัตนปราน ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครขณะนั้น ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้บรรจุประเพณีแห่ดาวให้เป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวงานหนึ่งของจังหวัด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมและร่วมงานคริสต์มาสที่สกลนคร คุณค่าในปัจจุบัน ปัจจุบัน ประเพณีแห่ดาวเทศกาลคริสต์มาสของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง เป็นส่วนหนึ่งงานประเพณีประจำจังหวัดสกลนครที่จัดขึ้น ในคืนวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี โดยได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เทศบาลสกลนคร ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ มีดาวที่ได้รับการออกแบบตามจินตนาการและประดับตกแต่งด้วยไฟฟ้าอย่างสวยงาม ตระการตา จากหมู่บ้านต่างๆ ทั่วสังฆมณฑลฯ มากกว่า 300 ดวง จากงานแห่ดาวธรรมดาที่จัดเพื่อถวายเกียรติแด่พระกุมารเยซู ผู้ประสูติมาในเทศกาลคริสต์มาสและเป็นที่รู้จักในวงแคบในหมู่คริสตชน ได้กลายมาเป็นประเพณีที่เป็นหน้าตาของจังหวัดและเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ จิตตารมณ์การบังเกิดมาของพระกุมารเยซูและประวัติวันคริสตมาส ได้รับประกาศและนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ สะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่า สิ่งที่ไร้ค่าเปล่าประโยชน์ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง อาจกลายมาเป็นสิ่งที่มีค่าขึ้นมาได้เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน “ ความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งคือนิรันดร์”ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับคุณความดีที่ พระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อนได้ริเริ่มประเพณีแห่ดาวนี้ ที่กลายมาเป็นงานประเพณีหนึ่งของจังหวัดสกลนครและประเทศไทย ควรอย่างยิ่งที่อนุชนรุ่นหลังจะศึกษาเรียนรู้คุณค่าอันดีงามและบทเรียนต่างๆ เพื่อธำรงส่งเสริมและรักษาไว้สืบไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ สำนักมิสซังท่าแร่ โทร. 0 4271 1272 ขอขอบคุณข้อมูลคุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย(15 ธันวาคม 2009) http://www.nbkradio.com/Star2009/StarAD25122009.php ::::::::::::::แถมๆกับเอมหวาน:::::::::::::::::::::: เอาบรรยากาศงานมาฝากเพิ่มเติม เผื่อปีหน้าใครสนใจจะมาร่วมงานจ้ะ บรรยากาศงานจับสลากบนเวที หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนามาเป็นพิธีกร ด้านหน้ามีขายโคมไฟ หมึกย่างหน้าหนาวก็ขายดีนะ อามคุงน้องชายเป็นตากล้อง ภาพนี้มีน้องอุ้ยคุง เอมหวาน แล้วก็คู่ข้าวใหม่ปลามัน หน่อย-กิต ใส่แก้วดินเผา หัตถกรรมท้องถิ่นจากเชียงเครือ เป็นน้ำเฉาก๊วยกับน้ำมะพร้าว มูลค่าเพิ่มกับน้ำสมุนไพรธรรมดา เลยช่วยอุดหนุน bye bye ก่อนนะจ้ะกับน้องชายสุดหล่อ น้องอุ้ยคุง เดี๋ยวนั่งสามล้อไปส่งกลับบ้าน ฮ่าๆๆ คืนนี้นิทราราตรีสวัสดิ์ค่ะ | ||
ขอบคุณนายแบบ
น้องอุ้ยคุง น้องเลิฟ
น้องอามคุง น้องชายอีกคนตากล้องร่วม คือคนละกล้อง
ร่วมกินกันเฉาก๊วย
กรอบจากคุณกุ้งคนสวย
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kungguenter&month=11-2008&date=28&group=23&gblog=94
No comments:
Post a Comment