ภาคต่อ..ความเดิมจากตอนที่แล้ว เรื่องมันไม่จบง่ายๆ เพราะว่าโฮสใส่ยาพิษในอาหาร...อะไม่ใช่ละ พูดเล่นนะเรื่องมันจะแลดูน้ำเน่าจนเกินไป เล่าเกร็ดเล็กน้อยจากการสังเกตและคุยกะโฮส คือ โฮสเค้าอยู่ตัวคนเดียวอะนะ..เป็นคนแก่วัยเกษียณของอังกฤษดีตรงที่มีเงินเดือนและได้สิทธิพิเศษต่างๆ พวกบัตรลดราคา บัตรรถเมลล์ รถไฟ บัตรลดดูการแสดง หรือว่าได้สิทธิ์ในการรักษาพยาบาล แต่ก็ต้องโทรจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ และต้องจ่ายค่ายาอยู่ดี ไม่ดีตรงค่าหมอนี่แหละ..แพงและไม่ดีเท่าบ้านเรา ที่นี่ของที่ไม่น่าแพง พวกแก๊ส หรือว่าพวกค่าน้ำค่าไฟ ก็แพงหูฉี่ แถมต้องจ่ายค่าลิขสิทธ์ดูทีวีด้วย ยายเค้าก็จ่ายนะ..แต่ก็ประหยัดมากเลย เช่น เลือกฟังวิทยุมากกว่า เลือกจะล้างจานไปใส่เครื่องล้างตอนเย็นทีเดียว ปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้ประดับบ้าน ไปซื้อของพวกแบรนด์ที่ราคาถูกกว่าหน่อย หรือว่าซื้อพวกร้านมือสองที่ขายไปทำบุญ(Charity shop)เมืองนี้คนแก่เยอะพอๆ กะ เมืองเราGuildford แต่เมืองเราจะเน้นคนแก่ที่มีรายได้สูงกว่าของเลยแพงกว่าและร้านพวกนี้จะน้อยกว่า ..คิดดูว่ารองเท้าร้านในเมืองน่ะค่ะที่เมืองนี้คู่ละไม่ถึง ๕ปอนด์ เ มืองเราอย่างต่ำนี่ เกือบ ๑๐ปอนด์แล้วค่ะ คุณภาพไม่ต่างกันมากนะ(อยากได้คชจ.ประมาณเมืองนี้ง่ะ) โดยเฉพาะเศรษฐกิจไม่ดี อะไรๆก็ต้องประหยัด เพราะรายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายมากขึ้น..เกิดขึ้นผลกระทบกับคนทั้งโลกค่ะ สะท้อนใจกับพี่ไทยจัง..นึกแล้วน้ำตาตกใน แต่เรื่องที่ยายประหยัด..เราชอบนะ เป็นอะไรที่สมถะดี เลือกที่จะเปิดฮีตเตอร์ ตอนบ่ายถึงเย็น ..แล้วปิดตอนกลางคืน...ฮือๆ ยายขา เมืองยายน่ะหนาวมั่กๆนะคะ สำหรับชะเอมเมืองร้อน..นอนห่มผ้านวมกะเสื้อโค้ท..ใช่แล้ว ข้าเจ้าใส่เสื้อโค้ท แถมนอนไม่หลับ ฝันร้ายยยย เล่าต่อๆ ก็นั่งรถกันไปที่ โวเบิร์น นั่งผ่านไปนะ ฮ่าๆ http://www.woburn.co.uk/abbey/ ชอบตรงที่ระหว่างทางเราเห็นสีเขียวตัดกับฟ้า แล้วมีแกะและเล็มหญ้าอยู่หลังกำแพงไม้ เห็นแล้วนึกถึง ทุ่งหญ้ากับ เจ้าทุยน้อย เล็มหญ้าชิวๆ เราก็โม้กับยายว่า ถ้าเป็นเมืองไทยคงเป็นทุ่งนากับน้าทุย เดินดุ่ยๆ ย่ำโคลน—เพ้อละ ยายโม้ว่า ไปอเมริกา ก็เห็นทุ่งหญ้าเหลืองทอง ลูกเขยยายบอกว่า “อเมริกาเลี้ยงคนทั้งโลก” ฟังแล้วอยากจะเถียง ว่า “ไทยแลนด์แดนสยามตะหากค้าบบ ส่งออกข้าวอันดับสองนะค้าบบ ยายค้าบบ” (ยายเค้าเป็นโฮสให้คนจีนมากกว่าคนไทยอย่างพวกเรา ไม่ค่อยรู้จักประเทศไทยและคนไทย แถมด้วยตอนไปนี่กำลังมีเหตุการ์ณไม่สงบที่บ้านเราพอดี เอาเข้าไป) ถึงแล้วโบสถ์..แต่เค้าปิดจัดงานแต่งงานมั้ง ยายเลยพาไปเดินป่าแทน เราเดินไปก็เห็นตรงทางมันมีประตูเค้าเอาไว้กันกวางหนี และกันรถชนกวาง ถึงอย่างนั้น ปีนี้ก็มีกวางตายไปแล้วหลายตัว นึกถึงตอนอยู่ออสเตรเลีย มีจิงโจ้โดนรถชนตายไปเยอะเลย เค้าเรียกจิงโจ้ตัวเล็กว่าอะไรน้า นึกไม่ออกซะงั้น ชมนกชมไม้ไปเรื่อย เจอชาวบ้านแถวนั้นเค้าขายผักที่ปลูก.ราคาถูกยายก็ภูมิใจกับ รูบาร์บ หรือเราเรียกมันว่าก้านกล้วยฝรั่ง น่าจะแกงฮังเลอร่อย..ฮ่าๆ ไม่ไช่ละ โฮ โฮสว่าเอาไปทำซุปหรือใส่ขนมได้..ดีแฮะ แถมซื้อกับคนที่ปลูกเองก็รับประกันเรื่องความปลอดภัย เราเดินไปจนถึงที่คอกม้า..เค้าเลี้ยงม้าไว้เยอะเลย พื้นที่ทั้งหมดเป็นของ Duke of Bedford ก็น่าจะเหมือนกับเจ้าขุนมูลนายบ้านเราละมั้ง สมัยนี้อะไรๆก็ต้องเป็นเงินเป็นทอง เค้าก็เปิดให้ดู เก็บเงิน แล้วก็ทำร้านอาหาร และอะไรต่างๆ บางคนก็ย้ายไปอยู่นิวซีแลนด์หรือออสเตรเลียแทนเพราะค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ชอบต้นไม้เราไปดูโบสถ์อายุเป็นร้อยปีเลย เก่าดี ทำให้เห็นชีวิตคนสุดท้ายก็เหลือเพียงกรรมดีกรรมชั่วที่ทำร่วมกันมาเนอะ อีกมุมนึงของโบสถ์ค่ะ กลับมากินข้าวเย็น ตอนแรกนึกว่าสเต๊ก จริงๆคือไก่อบซอสครีม กับขนมปัง... แล้วก็แต่งตัวไปดูซิมโฟนี่จาก ม.เบดฟอร์ดBedfordshire University เราก็ชอบยูนี้เหมือนกันนะ หาข้อมูลตอนก่อนมาเรียน อาจารย์มาเลกเชอร์ให้ถึงในห้องดนตรีเลย ฮ่าๆ เสียแค่ ๒ ปอนด์เพราะว่าเป็นนักเรียน..อะโหย ดีสุดๆ นั่งฟังแล้วเคลิ้ม จินตนาการตามว่ามีกวางกำลังวิ่งไล่จับกันแล้วโดนสิงโตมาไล่ล่า ..ไปนู่น๓ชั่วโมง อิ่มกับสุนทริยรส และมีความสุขมั่กๆ เหมือนมาเติมเชื้อไฟ ไปพร้อมสอบอีก ๒ อาทิตย์ละฮิ ลืมบอกว่าพวกเราก็ทำหน้าที่เหมือนนักเรียนแลกเปลี่ยน(โข่ง) โดยการมอบของที่ระลึกค่ะ ผ้าใหมไทย และเราเอาที่คั่นหนังสือชาวเขาฝากโฮสให้จนท.ที่เค้าช่วยประสานงานด้วย คนไทยตามธรรมเนียมค่ะ ต้องมีของติดไม่ติดมือ เพื่อนเต้ยก็มีโปสการ์ดลายวัดพระแก้วเขียนเซอร์ไพรส์วันกลับให้ด้วยค่ะ แม้ว่าทริปนี้จะต้องมานั่งอ่านหนังสือตอนดึกๆ..นอนไม่หลับง่ะ แถมยายเพิ่มออฟชั่นถุงน้ำร้อนตอนดึก..ชะเอมต้องย่องๆมาต้มน้ำตอนตี๓เพราะมันไม่ร้อน...บ้านไม้ของยายเหมือนบ้านอาม่าที่เยาวราชคือเดินแล้วจะมีเสียง..ต้องย่อง..ไม่น่าเล้ยยอยู่ห้องติดกะยายอีก วันสุดท้าย..แอบเซอร์ไพรส์การ์ดขอบคุณให้ยาย ก็กินอาหารเช้า กล่าวอำลาเมืองของโฮส รีบกลับมาติวกับเพื่อนค่ะ เพราะอีกไม่นาน(ตอนนั้น)จะสอบแล้ว(ดูวันที่ในรูปเป็นหลักฐานค่ะ ฮ่าๆ) ขอถ่ายกะป้ายกันสักหน่อย แล้วก็แว้บไปสถานี Clapham Junction อันนี้เป็นโบสถ์อีกแล้ว แต่เห็นสี กับสไตล์แล้วให้อารมณ์ตึกโดม ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ยังไงบอกไม่ถูกเลยค่ะ เอ..หรือเราจะคิดถึงเมืองไทยมากไปละเนี่ย เหอๆๆ แวะกินอาหารเที่ยง..ขอเพื่อนเต้ย ไม่ไหวละเลี่ยนนมเนย ขอข้าวนะ แต่หาร้านไทยไม่เจอ ก็เลยได้กินผัดเปรี้ยวหวานแบบจีนๆ ได้แวะซื้อวิตามินกลับมาฝากท่านพ่อท่านแม่ และก็กลับ…. เพื่อนเต้ยพานั่งรถไฟอ้อมสัก ครึ่งชั่วโมงได้ ..เพื่อนเต้ยก็เฉลยว่าวันที่เล่นไพ่กันคืนแรกก็เห็นเงาของ..แว้บไปข้างหลังเรา เหมือนแอบดูพวกเราเล่นไพ่..โอ้ววววทำไมไม่บอกกันบ้างละฮิ มิน่าทั้งกระเป๋าน้ำร้อน ทั้งแผ่เมตตาสักห้ารอบ ก็ดูไม่ค่อยพอ...บ้านเก่ามากค่ะ อึ้งไปจนรถไฟถึงบ้านพอดี แต่ไม่เป็นไรทันเวลาติวพอดี อาจเพราะวันอาทิตย์(รึเปล่า) มาติวกับเพื่อนๆตอนเย็น จน ๕ทุ่มก็นอนตายในหอ จบทริปกะโฮส อังกฤษ แบบอังกฤษ .. .. .. แถมรูปกับผนังร้านพิซซ่าค่ะ เก๋ๆดี สามวันถัดมา ข้าเจ้าได้รับพัสดุ พร้อมจม.จากโฮสว่า ข้าเจ้าลืมเสื้อไว้ ฮ่าๆ แต่โฮสก็ดีนะ เห็นการ์ดขอบคุณที่พวกเราทิ้งไว้เซอร์ไพรส์ที่ห้องครัว ชอบลายมือโฮสจัง แล้วก็รีบโทรไปบอกเพื่อนเต้ย เพราะพวกเรายังไม่ได้สอบ แต่หนีเที่ยวอย่างนี้..ก็เริ่มทำให้เราลนลานกับการสอบตามบล็อก เค้าเรียกว่า...นาทีก่อนโดนเชือด> ไปแล้วค่ะ ดีใจจัง อัพบล็อกได้แล้ว | ||
Monday, July 11, 2011
หนีมาอยู่กะโฮสสามวันมันส์จริงๆ host @UK- Leighton Buzzard –Symphony Orchestra & wood walking.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment